เศรษฐกิจโลกและไทยเผชิญภาวะเงินเฟ้อสูง ส่งผลต่อค่าครองชีพและการลงทุน
เศรษฐกิจโลกและไทยกำลังเผชิญกับภาวะเงินเฟ้อสูง โดยอัตราเงินเฟ้อทั่วไปของไทยในเดือนกันยายน 2566 อยู่ที่ 7.1% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 13 ปี และอัตราเงินเฟ้อทั่วไปของสหรัฐฯ ในเดือนกันยายน 2566 อยู่ที่ 7.9% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 40 ปี
สาเหตุของภาวะเงินเฟ้อที่สูงขึ้นมาจากหลายปัจจัย ได้แก่
- การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้ความต้องการสินค้าและบริการเพิ่มขึ้น
- ปัญหาการขาดแคลนสินค้าและบริการทั่วโลก
- สงครามรัสเซีย-ยูเครน ส่งผลให้ราคาพลังงานและสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวสูงขึ้น
ภาวะเงินเฟ้อที่สูงขึ้นส่งผลกระทบต่อค่าครองชีพของประชาชน เนื่องจากทำให้ราคาสินค้าและบริการปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้ประชาชนมีรายได้ไม่เพียงพอต่อการใช้จ่าย และอาจนำไปสู่การลดลงของกำลังซื้อ
นอกจากนี้ ภาวะเงินเฟ้อที่สูงขึ้นยังส่งผลกระทบต่อการลงทุน เนื่องจากทำให้ต้นทุนการผลิตและต้นทุนทางการเงินปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้การลงทุนลดลง
เพื่อควบคุมภาวะเงินเฟ้อ ธนาคารกลางทั่วโลกจึงเร่งขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย โดยธนาคารแห่งประเทศไทยได้ปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายไปแล้ว 2 ครั้งในปีนี้ ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยอยู่ที่ 1.5%
อย่างไรก็ตาม การปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ เนื่องจากทำให้ต้นทุนทางการเงินปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้การลงทุนลดลงและอาจนำไปสู่การชะลอตัวของเศรษฐกิจ
ความเห็นส่วนตัว:
ภาวะเงินเฟ้อที่สูงขึ้นเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกและไทย ธนาคารกลางทั่วโลกจำเป็นต้องดำเนินนโยบายอย่างรอบคอบเพื่อควบคุมภาวะเงินเฟ้อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในระยะยาว